บอลยูฟ่าแชมป์เปี่ยนลีกกับสุดยอด 5 แฮตทริก
1.ลูคัส มูร่า : อาแจกซ์ ปะทะ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส
อาแจ็กซ์เป็นหนึ่งในทีมเทพนิยายในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกส์ฤดูกาล 2018/2019 โดยสามารถผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่มได้ขณะที่มีทีมบาเยิร์น มิวนิค, เบนฟิก้า และเออีเค เอเธนส์อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ก่อนที่จะโชว์ฟอร์มขั้นสุดยอดด้วยการเอาชนะเรอัล มาดริดและยูเวนตุสในรอบน็อคเอาท์ได้อย่างน่าประทับใจ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องราวเทพนิยายของอาแจ็กซ์ก็ต้องจบลงในรอบรองชนะเลิศ ที่มีลูคัส มูร่าเป็นฮีโร่แฮตทริกพาทีมสเปอร์สเข้าชิงแชมเปี้ยนลีกส์เป็นครั้งแรก
โดยทีมยักษ์ใหญ่จากเนเธอร์แลนด์สามารถเอาชนะสเปอร์สได้ก่อนในนัดแรก 1-0 ที่บ้านของสเปอร์ส และในนัดที่สองในบ้านอาแจกซ์ ที่ได้มัทไธส์ เดอ ลิกต์ และฮาคิม ซิเย็ค ยิงคนละประตูช่วยให้ทีมขึ้นนำ 2-0 ตั้งแต่ครึ่งแรก จึงทำให้อาแจกซ์มีผลประตูรวมนำไปก่อน 3-0 อย่างไรก็ตามลูคัส มูร่าสามารถพาสเปอร์สกลับมาสู่เกมการแข่งขันได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการทำ 2 ประตูใน 15 นาทีหลังจากโดนขึ้นนำ แต่อาแจ็กซ์ก็ยังมีผลประตูรวมนำอยู่ 3-2 และเพียงไม่กี่นาทีก่อนที่กรรมการจะเป่านกหวีดหมดเวลา ลูคัส มูร่าสามารถทำประตูได้ในนาทีที่ 6 ของการทดเวลา พาสเปอร์สบุกมาคว่ำอาแจ็กซ์ถึงถิ่น 3-2 และเข้ารอบชิงชนะเลิศไปด้วยกฎประตูทีมเยือน
2.คริสเตียโน่ โรนัลโด้ : เรอัล มาดริด ปะทะ โวล์ฟสบวร์ก
เรอัล มาดริดสามารถสร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นสโมสรแรกที่คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกส์ถึง 3 สมัยติดต่อกัน แต่โอกาสในการสร้างสถิติคว้าแชมป์ 4 ครั้งต้องหยุดลง เพราะการจากไปของดาวซัลโวตลอดกาลแห่งศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกส์อย่างคริสเตียโน โรนัลโด้
เรอัล มาดริดถูกจับมาเจอกับทีมโวล์ฟสบวร์กจากเยอรมัน โดยโวล์ฟสบวร์กอาจจะไม่ใช่ทีมที่ดีสุดในเยอรมันในตอนนั้น แต่เรอัล มาดริดก็อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีเช่นกัน เพราะราฟาเอล เบนิเตซ ได้ถูกไล่ออกไปจากทีมได้ไม่นาน โดยในนัดแรกโวล์ฟสบวร์กสามารถเอาชนะเรอัล มาดริดไปได้ 2-0 จากประตูของจูเลี่ยน แดร็กเลอร์ยอดดาวรุ่งของเยอรมัน ณ ขณะนั้น จึงทำให้เรอัล มาดริดต้องทำถึง 3 ประตูหากหวังจะเข้ารอบต่อไป มาดริดต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก แต่ด้วยความมหัศจรรย์ของคริสเตียโน โรนัลโด้ สุดยอกกองหน้าสัญชาติโปรตุเกส ที่สามารถทำ “เพอร์เฟคต์แฮตทริก” ใส่โวล์ฟสบวร์กต่อหน้าแฟนบอลมาดริดทั้ง 76,000 คน พาเรอัล มาดริดเข้ารอบต่อไปและคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกส์ในท้ายที่สุดได้สำเร็จ
3.โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ : ดอร์ทมุนท์ ปะทะ เรอัล มาดริด
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์เป็นหนึ่งในทีมที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ในลีกเยอรมันได้ ด้วยการล้มบาเยิร์น มิวนิคทีมยักษ์ใหญ่แห่งลีกเยอรมัน คว้าแชมป์บุนเดสลีก้าติดต่อกัน 2 สมัย ในปี 2011 และ 2012 จากนั้นพวกเขาก็สามารถสร้างเซอร์ไพร์สได้อีกครั้ง ด้วยการก้าวเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกส์ในปี 2013
โดยอุปสรคสุดท้ายที่ดอร์ทมุนด์ต้องเจอก่อนเข้ารอบชิง ก็คือทีมยักษ์ใหญ่จากลีกสเปนอย่างเรอัล มาดริด หนึ่งในทีมเต็งแชมป์ และก็เป็นทีมจากเยอรมันที่ได้แสดงให้เห็นถึงความสุดยอดของพวกเขา ด้วยการเอาชนะเรอัล มาดริดเข้าสู่นัดชิงชนะเลิศด้วยผลสกอร์รวม 4-3 และก็เป็นโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ที่โชว์ฟอร์มถล่มประตูอย่างสุดยอด ปิดฉากเรอัล มาดริดได้ตั้งแต่นัดแรกที่เจอกันที่บ้านดอร์ทมุนด์ ด้วยสกอร์ 4-1 ช็อคแฟนบอลทั้งโลก โดยเป็นเลวานดอฟสกี้ที่เหมาทั้ง 4 ลูก เป็นหนึ่งในนัดแจ้งเกิดของกองหน้าชาวโปแลนด์รายนี้ และถึงแม้ว่าดอร์ทมุนด์จะไปแพ้เรอัล มาดริด 2-0 ในนัดที่ 2 แต่ก็ยังสามารถเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ ด้วยผลสกอร์รวม 4-3
4.คริสเตียโน โรนัลโด้ : ยูเวนตุส ปะทะ แอตเลติโก มาดริด
สองประตูจากดิเอโก้ โกดินและโจเซ่ จิมิเนซ คู่กองหลังจากแอตเลติโก มาดริด ช่วยให้ทีมขึ้นนำยูเวนตุสไปก่อน 2-0 จากการแข่งขันศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกส์รอบ 16 ทีมนัดแรก และก็รอเจอยูเวนตุสนัดต่อไปที่ตูริน ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทีมแอตเลติโก มาดริดได้กลายเป็นหนึ่งในทีมที่มีเกมรับดีที่สุดในโลกทีมหนึ่ง
เก็บคลีนชีตได้มากมาย ภายใต้การคุมทีมของดิเอโก ซิมิโอเน่ และแอตเลติโก มาดริดก็กลับมาเจอกับยูเวนตุสอีกครั้งในเลก 2 ด้วยผลงานเก็บคลีนชีตได้ 5 นัดติดต่อกัน อย่างไรก็ตามทีมจากสเปนก็รู้ถึงความสุดยอดของคริสเตียโน โรนัลโด้ กองหน้าชาวโปรตุเกสที่เล่นพอได้เล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกส์ มักจะระเบิดฟอร์มโหดได้เสมอมา ซิมิโอเน่ได้สั่งให้ลูกทีมคอยจับตาดูและปิดโรนัลโด้ให้อย่าได้คลาดสายตา
ถ้าเป็นการเจอทีมอื่นหรือการเจอผู้เล่นคนอื่น การที่แอตเลติโก มาดริดสามารถทำประตูนำคู่แข่งไปก่อน 2-0 ตั้งแต่นัดแรก คงจะเป็นงานง่ายๆของทีมที่จะผ่านเข้ารอบต่อไปได้ แต่ไม่ใช่กับชายที่ชื่อว่าคริสเตียโน โรนัลโด้ ชายผู้เป็นดาวซัลโวของรายการนี้ ที่สามารถเค้นฟอร์มอันสุดยอดออกมาได้ในเกมเลกที่สองนี้ เป็นโรนัลโด้ที่ซัดคนเดียว 3 ประตูพาทีมยูเวนตุสชนะ 3-0 พาทีมยูเวนตุสพลิกเข้าสู่รอบต่อไปด้วยผลประตูรวม 3-2
5.คริสเตียโน โรนัลโด้ : เรอัล มาดริด ปะทะ บาเยิร์น มิวนิค
คริสเตียโน โรนัลโด้ชายผู้ที่ถูกขนานนามว่า “มิสเตอร์ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกส์” ด้วยผลงานการทำไป 8 แฮตทริกในการแข่งขันถ้วยนี้ โดย 4 ครั้งมาจากรอบนอคเอาท์ และอีก 4 ครั้งมาจากรอบแบ่งกลุ่ม โดยในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกส์ ฤดูกาล 2017 ที่บาเยิร์น มิวนิคสามารถขึ้นนำเรอัล มาดริดได้ก่อนในเกมแรกด้วยสกอร์ 2-1
แต่ในลีกที่ 2 เรอัล มาดริดได้กลับมาเล่นในบ้านตัวเองอีกครั้ง และก็เป็นโรนัลโด้ที่กลายเป็นฮีโร่ของทีมอีกครั้ง ด้วยการซัดแฮตทริกพาทีมเรอัล มาดริดเอาชนะ 5-1 โดยเป็นการยิง 2 ประตูในช่วงต่อเวลาพิเศษ และก็เป็นเรอัล มาดริดที่เข้ารอบต่อไปด้วยผลประตูรวม 6-3
เรอัล มาดริดจบฤดูกาลด้วยการสร้างประวัติศาสตร์ กลายเป็นสโมสรแรกของโลกที่สามารถป้องกันแชมป์ยูฟ่าได้ และโรนัลโด้ก็สามารถคว้ารองเท้าทองคำประจำศึกกยูฟ่าได้เป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกัน